การลงทุน แบบใด ความเสี่ยงต่ำ – ความเสี่ยงสูง

รู้ก่อนรวย! การลงทุน แบบใดความเสี่ยงต่ำ – สูง

ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ - สูง

ทุกวันนี้ดูเหมือน “การลงทุน” จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเด็กยุคใหม่ ไปจนถึงผู้ใหญ่วัยใกล้เกษียณ แต่สิ่งหนึ่งที่มีไม่ต่างกันคือเป้าหมายของ การลงทุน และการมองเห็นช่องทางในการทำเงิน โดยการใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เมื่อได้ชื่อว่าการลงทุน ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง แต่จะมากหรือน้อย ความเสี่ยงต่ำหรือสูง การลงทุนในแต่ละแบบจะแตกต่างกันไป  

1.การลงทุน บนความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุน

  • ตราสารหนี้ระยะสั้น

เป็นการลงทุนระยะสั้น น้อยกว่าหรือประมาณ 1 ปี มีความเสี่ยงน้อยมาก แต่กำไรที่ได้น้อยตามลงไป ความเสี่ยงของลงทุนประเภทนี้มาจากความผันผวนด้านราคา หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาตราสารหนี้จะผกผันลง นักลงทุนมีสิทธิขาดทุน แต่หากยืนยันถือจนครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนตามราคาพาร์ (ราคาทุนจดทะเบียน)

ระดับความเสี่ยง = 2/10 สภาพคล่อง 6/10 ผลตอบแทน 3/10 

  •  พันธบัตร, ตราสารหนี้ระยะยาว หรือหุ้นกู้  

ความเสี่ยงมีเยอะกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น (แต่ยังถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ) แต่ผลกำไรมีมากกว่า ความเสี่ยงของการลงทุนประเภทนี้ คล้ายตราสารหนี้ระยะสั้นที่ผักผนจากอัตราดอกเบี้ย แต่ตราสารหนี้ระยะยาวมีโอกาสขาดทุนสูงกว่า อีกทั้งสภาพคล่องมีน้อย เนื่องจากสัญญาส่วนใหญ่กินเวลาประมาณ 5 – 30 ปี

ทั้งนี้ แม้ว่าการลงทุนทั้ง 2 อย่างจะสามารถรอเงินชำระคืนตามราคาพาร์ได้ ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นสูง แต่หากผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลาย ก็มีโอกาสไม่ได้รับเงินตามกำหนดเช่นกัน 

ระดับความเสี่ยง = 4 / 10 สภาพคล่อง 4 / 10 ผลตอบแทน 5.5 / 10 

ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

  • การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

เป็นอีก 1 การลงทุนที่ได้รับความนิยม จนได้ฉายาว่า “เสือนอนกิน” แต่การลงทุนรูปแบบนี้ ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ความเสี่ยงคือ นักลงทุนเองต้องมีเงินก้อนใหญ่ แถมเจอกับปัญหาจุกจิกจากผู้เช่า ค่าเสื่อมของอสังหาฯ การแข่งขันที่มีมากขึ้นระหว่างนักลงทุนด้วยกัน

ระดับความเสี่ยง = 3 / 10 สภาพคล่อง 2 / 10 ผลตอบแทน N / A

2.การลงทุน บนความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนดี

การลงทุน บนความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนดี

  • การลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

เป็นการลงทุนที่ซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของร่วมในกิจการนั้น ๆ แตกต่างจากตราสารหนี้ที่เปรียบเหมือนเจ้าหนี้ – ลูกหนี้ ความเสี่ยงของการลงทุนประเภทนี้คือ นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษา เพราะหากขาดการวิเคราะห์ที่ดี ไม่มีการตั้งเป้าหรือแผนการลงทุน โอกาสขาดทุนเป็น 0 มีมากกว่าแน่นอน แต่หากไตร่ตรองมาดี มีแผนการลงทุน โอกาสที่จะได้ปันผลจะมีมากตามผลกำไรและการเติบโตของบริษัท ต่างจากตราสารหนี้ที่ได้ดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้ว่าบริษัทจะโตขนาดไหนก็ตาม

ระดับความเสี่ยง = 7 / 10 สภาพคล่อง 8 / 10 ผลตอบแทน 7 / 10 

การลงทุนในประเภทของสะสมมีค่า

  • การลงทุนในประเภทของสะสมมีค่า

สิ่งของบางอย่างอาทิ พระ รถโบราณ กระเป๋าแบรนด์เนม ภาพวาด ไวน์ หรืออื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไปบวกกับการเก็บรักษาที่ดีสามารถเพิ่มมูลค่าได้จากทุน 10 – 100 เท่า แต่การลงทุนประเภทนี้นักลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางอย่างมาก เชี่ยวชาญ รู้จักตลาดและราคา(ทั้งในและต่างประเทศ)เป็นอย่างดี ซึ่งความเสี่ยงในการลงทุนชนิดนี้ คือความเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นกับของสะสม ยิ่งหากหายหรือชำรุด ราคาเดิมที่มากกว่าทุน 100 เท่าก็จะลดลงเหลือ 0 ไปโดยปริยาย

ระดับความเสี่ยง = N / A สภาพคล่อง 2 / 10 ผลตอบแทน N / A

3.การลงทุนรูปแบบใหม่ ผลตอบแทนดี

IP อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

  • IP อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

ในปัจจุบัน การจะลงทุนหรือเป็นเจ้าของอสังหาฯ ไม่จำเป็นต้องถือเงินก้อนโต หรือบริหารด้วยตนเองอีกต่อไป ยังมีรูปแบบอื่นๆ อีก อาทิ การซื้อใบจองเพื่อเก็งกำไร หรือแม้แต่ลงทุน Investment Property ในรูปแบบของ โรงแรม สวนสนุก ฟาร์มเกษตร ฯลฯ โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการทรัพสินย์แทน พร้อมทั้งจัดหาผู้ใช้บริการ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด เพื่อลดความเหนื่อยของเจ้าของทรัพย์ แถมมีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะลงทุนภายใต้การดูแลของนักธุรกิจที่มีความเป็นมืออาชีพ

ระดับความเสี่ยง = 3 / 10 สภาพคล่อง 5 / 10 ผลตอบแทน 7 / 10

 

หัวข้ออื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุน