เริ่มต้นลงทุน 5 วิธีลงทุนแบบง่ายๆ อ่านแล้วเข้าใจทันที

เริ่มต้นลงทุน แบบไหนดี สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การลงทุนนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เราเลือก ซึ่งขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่เรามี (เงิน, เวลา) และความเสี่ยงที่เรารับได้ มาทำความรู้จักกับการลงทุนประเภทต่างๆ กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

เริ่มต้นลงทุน ด้วยเงินฝากธนาคาร

เป็นการเริ่มต้นการลงทุนที่ง่ายที่สุด ใครๆ ก็สามารถลงทุนได้ด้วยการฝากเงินในธนาคารได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูลมากเหมือนกับการลงทุนอื่นๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับที่ผลตอบแทนที่ต่ำเช่นกัน ในปัจจุบันนี้ ดอกเบี้ยของเงินฝากออมทรัพย์ โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 0% – 3% ต่อปี แต่ถ้าเป็นเงินฝากประจำนั้น มีดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากออมทรัพย์เล็กน้อย นับว่าเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก มาดูกันว่าจุดเด่นของการลงทุนด้วยเงินฝากธนาคาร มีจุดเด่นอย่างไร

  • มีความเสี่ยงต่ำมาก หรือแทบไม่มีความเสี่ยงเลย
  • ผลตอบแทนจากการลงทุนก็ต่ำเช่นเดียวกัน น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อเสียอีก
  • ถ้าต้องการผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่สูง ต้องใช้เงินฝากจำนวนมาก
  • สภาพคล่องขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี ถ้าเป็นบัญชีฝากประจำสภาพคล่องก็จะต่ำ

 

พันธบัตร

เป็นการลงทุนที่เหนือไปกว่าอีกขั้นของเงินฝากในธนาคาร มักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการลงทุนด้วยเงินฝากกับธนาคาร ซึ่งคือการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ โดยผู้ที่ซื้อพันธบัตรจะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ผู้ออกพันธบัตรจะมีฐานะเป็นลูกหนี้

  • อัตราดอกเบี้ยมักจะสูงกว่าการลงทุนในเงินฝากธนาคาร
  • สภาพคล่องทางการเงินขึ้นอยู่กับระยะเวลาไถ่ถอน
  • เป็นการลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาว
  • ความเสี่ยงต่ำ

 

ทองคำรูปพรรณ

สำหรับทองคำ เป็นแหล่งการลงทุนที่หลายคนคุ้นเคย เนื่องจากทองคำนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ดังนั้นจึงมีการลงทุนในทองคำหลากหลายรูปแบบ ในที่นี่จะกล่าวถึงทองคำรูปพรรณเป็นหลัก

  • ทองคำรูปพรรณต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
  • สภาพคล่องสูง เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย
  • ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก สามารถซื้อแบบครึ่งสลึง หรือหนึ่งสลึงก็ได้
  • มีค่ากำเหน็จ ยิ่งซื้อมา ราคาค่ากำเหน็จก็จะสูงขึ้น
  • มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง

 

กองทุนรวม

ผู้ลงทุนหลายๆ คน นำเงินมาลงทุนรวมกัน โดยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการลงทุน มาบริหารจัดการเงินทุนก้อนนั้น ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ นี่คือกองทุนรวมนั่นเอง ซึ่งประเภทของกองทุนมีรวมมีหลากหลาย ตั้งแต่ กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมผสม ฯลฯ โดยแต่ละประเภทของกองทุนก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

  • ประเภทกองทุน LTF และ RMF สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
  • เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ การซื้อขายขั้นต่ำขึ้นอยู่กับกองทุน
  • มีผลตอบแทนที่สูง และมีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนรวม
  • บางกองทุนรวม มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อและขายได้

 

หุ้น

หุ้นจะต่างจากกองทุนรวม โดยเราสามารถเลือกซื้อหุ้นจากธุรกิจที่เราต้องการได้ สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ซึ่งการลงทุนในหุ้น มีจุดเด่นดังนี้

  • ผลตอบแทนสูงมาก และมีความเสี่ยงมากเช่นกัน
  • ต้องศึกษาความรู้ในหุ้นที่เราจะลงทุนมาก
  • ต้องมีเวลาในการติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้เมื่อขึ้นชื่อว่าการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ จะเสี่ยงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับประเภทของการลงทุนเป็นหลัก และผู้ลงทุนเองยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด ซึ่งการลงทุนที่มาแรงในช่วงนี้คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยว เป็นการลงทุนแนวใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

Related Articles

Cissa Group Shared Experience and Knowledge on Investment Property

อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ อย่างที่ทราบกันว่า “INVESTMENT PROPERTY”(IP) เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ คือไม่มีส่วนของการอยู่อาศัยเลย  โดยทั้งโครงการจะได้รับการออกแบบ เพื่อจุดประสงค์ในการลงทุน และบริหารเพื่อผลประโยชน์สูงสุด เช่น บริหารแบบโรงแรม หอพัก ห้องพักรายวัน เป็นต้น ที่นิยมในปัจจุบัน คือ บริหารแบบโรงแรม ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการการันตีค่าเช่าให้นักลงทุนในช่วงแรก และจ่ายผลตอบแทนตามผลประกอบการคืนกลับให้กับนักลงทุนนั่นเอง สิ่งหนึ่งที่สำคัญ ที่ทำให้การลงทุน IP เหนือกว่าการลงทุนอสังหาฯทั่วไป คือ “ผลตอบแทนสูงกว่า”