ลงทุนแบบไหนที่จะสู้กับภาวะเงินเฟ้อ!!


ลงทุนแบบไหนที่จะสู้กับภาวะเงินเฟ้อ!!


เงินเฟ้อ 2

           เงินเฟ้อ คือ ภาวะราคาสินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การซื้อของชิ้นเดิมต้องใช้เงินมากกว่าเดิม หรือที่เรียกง่ายๆก็คือของแพงขึ้นนั้นเอง ตัวอย่างง่ายๆ คือเมื่อก่อนเรามีเงิน 40 บาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ 4 ชาม แต่เดี๋ยวนี้ ซื้อได้เพียงชามเดียว ถ้าเงินเฟ้อต่อไป เรื่อย ๆ  อีก 30 ปีข้างหน้า ก๋วยเตี๋ยวอาจจะขึ้นเป็นชามละ 100 บาท เลยก็ได้ และหากเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมีผลกระทบต่อฐานะและความเป็นอยู่ของประชาชน 

          กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 7.9% เพิ่มขึ้นจากระดับ 7.5% ในเดือนมกราคม สูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ของตลาดที่ 7.8% ซึ่งนับว่าสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี นับจากปี 1982 

          นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า จากกระแสความกังวลถึงความเสี่ยงสำคัญปี 2565 ว่าเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะ Stagflation หรือ เศรษฐกิจชะลอตัวแรง 

          ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คือ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงจากช่วงก่อนหน้าแต่ยังเป็นบวกยกตัวอย่างเช่น เมื่อปี 2560 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ (GDP) 5% ต่อมาในปี 2561 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ (GDP) เป็น 4% ลักษณะนี้ถือว่าเป็นเศรษฐกิจชะลอตัว

และสิ่งที่ตามมาคือปัญหาคนว่างงาน พร้อมกับปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่า 2% ในไตรมาส 3/65 จากฐานที่ต่ำปี 64 แต่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นชั่วคราวตามราคาน้ำมันไม่น่าเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลง อัตรา เงินเฟ้อ

                                                         ขอบคุณรูปจาก Oxford Economics Model และ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

          ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานทำหน้าที่มาควบคุมดูแลเรื่องเงินเฟ้อ และยังไม่จบแค่นี้ ประเด็น ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านสินค้า ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อเช่นกัน เพราะผลกระทบจาก COVID -19 ได้ทำให้เกิดการปิดโรงงาน ปิดบริษัทไปหลายแห่ง จำกัดการเดินทาง รวมทั้งยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างจากปัจจัยอื่นอีกๆ เช่น ตลาดแรงงานที่มีจำนวนลดน้อยลง ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการผลิตไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เท่าก่อนโควิด ด้วยประเด็นทั้งหมดนี้ จึงทำให้เกิด “เงินเฟ้อ” ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงไปตลอดทั้งปี 2022 

แล้วแบบนี้ ควรจะลงทุนแบบไหน ที่จะสู้กับภาวะ เงินเฟ้อ ได้!!

          ในช่วงสถานการ์ณการลงทุนที่ไม่แน่นอนในตอนนี้ ถ้าหากจะหาสินทรัพย์ที่ลงทุนและยังคงรักษาเงินต้นและยังได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ อยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องดูแลเองหรือไม่มีเวลาดูแลการลงทุน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบ IP หรือ Investment Property นั้น น่าจะตอบที่โจทย์มากๆสำหรับในยุคปัจจุบันนี้ 

          Investment Property คือการลงทุนอสังหาฯ ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในยุคนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดูแลให้นักลงทุนทุกอย่าง ตั้งแต่การเลือกทำเล สร้างโครงการ บริหารจัดการ หาผู้เช่า เก็บค่าเช่า ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของคอนโดที่เรียกว่า Service Residences โดยผู้ลงทุนไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากเลือก Service Residences ที่ถูกใจ เอาเงินไปลงทุน รับโฉนดมาเก็บไว้ในตู้เซฟ และนั่งรอรับปันผลสวยๆ

เงินเฟ้อ

          Investment Property จัดเป็นการลงทุนที่รวมเอาข้อดีของ REIT ที่ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอโดยไม่ต้องบริหารเอง และข้อดีของการลงทุนในอสังหาฯเองโดยตรง ที่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง มีพื้นที่ที่จับต้องได้ และมีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต มารวมกัน เป็น Investment Property (IP)

การลงทุนแบบ IP แตกต่างจากการลงทุนแบบ อสังหาฯ ยังไง

           การลงทุนแบบ IP แตกต่างจากการลงทุนแบบ อสังหาฯ คือ เราจะได้โฉนดเป็นเจ้าของจริงๆ สามารถเอาไปใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ รวมถึงในระยะยาวเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เมื่อนำมาขายก็ได้กำไรอีกด้วย

          การมีอสังหาฯไว้สำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผลระยะยาว ถือว่าเป็นที่น่าสนใจมากๆและยิ่งเป็นการลงทุนแบบ IP ที่มือบริษัทมืออาชีพมาช่วยดูและน่าจะเป็นที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด

แล้วการลงทุนแบบ IP สามารถกระจาย ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ 

          เพราะการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้งเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ตลาดอสังหาฯ ก็กลับมาเติบโตเพราะผู้ที่มีกำลังซื้อขาดลดลง ความพิเศษของอสังหาฯ คือมูลค่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 5.05% ต่อปี แม้ในช่วยที่สภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง ดังนั้น ในช่วงสถานการ์ณเงินเฟ้อกำลังสูงขึ้น แน่นอนว่าข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ ก็จะแพงมากขึ้น 

          Investment Property จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และได้รับผลตอบแทนในอัตราที่แน่นอนชนะค่าเงินเฟ้อ การลงทุนในอสังหาฯ เรื่องสินทรัพย์เองก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากสินทรัพย์ทำเลดีก็ย่อมตอบโจทย์ลูกค้าชาวต่างชาติและส่งผลให้ผลตอบแทนสูงขึ้น 

เรามารู้จักกับ CISSA GROUP ซึ้งถือว่าเป็นบริษัท Investment Property ด้านอสังหาฯเพื่อการลงทุนที่น่าสนใจ

     โครงการที่ CISSA GROUP ดูแลอยู่เป็นโครงการที่น่าสนใจ ซึ่งทำเลอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา เป็นโรงแรมและรีสอร์ตเป็นพื้นที่แห่งการท่องเที่ยวต้นๆ ของประเทศไทย ถือว่าเป็นทำเลศักยภาพ ซึ่งแน่นอนว่าทางเราสามารถการันตีที่ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ 

เงินเฟ้อ 2 หนีร้อนมาพึ่งยีลด์

          CISSA GROUP เริ่มต้นลงทุนเพียง 1 ล้านบาท การันตีผลตอบแทน 7% ต่อปีอีกด้วย เพราะปกติ ผลตอบแทนทั่วไปจะอยู่ที่ 3-5% และทาง CISSA GROUP บริหารงานโดย WYNDHAM GROUP แบรนด์โรงแรมระดับโลกอีกด้วย 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

          การมีอสังหาฯ ไว้สำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผลระยะยาว ถือว่าเป็นที่น่าสนใจมากๆและยิ่งเป็นการลงทุนแบบ IP ที่มือบริษัทมืออาชีพมาช่วยดูและน่าจะเป็นที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด 

          เรื่องของความเสี่ยงของลงทุนผ่าน IP นั้น เงินต้นที่ลงทุนไปแน่นอนว่าไม่หายไปไหนแน่นอน ซึ่งเจ้าของไม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือจ่ายเองเพิ่ม ไม่ต้องจ่ายค่าดูแล และที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงติดลบกับการบริหารจัดการดูแลพนักงานหรืออุปกรณ์เพราะว่าเราได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นแล้ว ซึ่งถ้าลงทุนระยะยาว ราคาอสังหาฯ ก็จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อมีโอกาส และระหว่างทางเราก็รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี และไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงจะมีทรัพย์สินที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีเสมอ หากเลือกลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาด ณ ตอนนั้น 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 062-245-8656 | 062-245-9288

  • Website: www.cissagroup.com
  • Facebook: https://www.facebook.com/CissaGroup 
  • Instagram: Instagram.com/cissagroup
  • YouTube: http://bit.ly/3tnBSJJ
  • Line: https://lin.ee/tGQsV6P