ทุกวันนี้ดูเหมือน “การลงทุน” จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คนไม่ว่าจะเด็กยุคใหม่ไปจนถึงผู้ใหญ่วัยใกล้เกษียณ แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือมีเป้าหมายและมองเห็นช่องทางในการทำเงินโดยใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เมื่อได้ชื่อว่าการลงทุนแล้ว ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่ว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อยเท่านั้น ซึ่งในแต่ละการลงทุนมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป
ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
เป็นการลงทุนระยะสั้น น้อยกว่าหรือประมาณ 1 ปี มีความเสี่ยงน้อยมากแต่กำไรที่ได้น้อยตามลงไป ความเสี่ยงของลงทุนประเภทนี้มาจากความผันผวนด้านราคา หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาตราสารหนี้จะผกผันลง นักลงทุนมีสิทธิขาดทุน แต่หากยืนยันถือจนครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนตามราคาพาร์ (Par)
ความเสี่ยงจากการลงทุนในพันธบัตร, ตราสารหนี้ระยะยาวหรือหุ้นกู้
ความเสี่ยงมีเยอะกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ก็ได้ผลกำไรที่มากกว่าแทนที่ ความเสี่ยงของการลงทุนนี้คล้ายกับตราสารหนี้ระยะสั้นที่ผักผนจากอัตราดอกเบี้ย แต่ตราสารหนี้ระยะยาวมีโอกาสขาดทุนสูงกว่า อีกทั้งสภาพคล่องมีน้อยกว่าเนื่องจากสัญญาส่วนใหญ่กินเวลาประมาณ 5 – 30 ปี
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการลงทุนทั้ง 2 อย่างจะสามารถรอเงินชำระคืนตามราคาพาร์ได้ ในกรณีขาดทุน แต่หากผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลายขึ้นมา ก็มีโอกาสไม่ได้รับเงินชำระตามกำหนดเช่นกัน
ความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
เป็นการลงทุนที่ซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของร่วมในกิจการนั้น ๆ แตกต่างจากตราสารหนี้ที่เปรียบเหมือนเจ้าหนี้ – ลูกหนี้ ความเสี่ยงของการลงทุนประเภทนี้คือ นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษา เพราะหากขาดการวิเคราะห์ที่ดี ไม่มีการตั้งเป้าหรือแผนการลงทุน โอกาสขาดทุนเป็น 0 มีมากกว่าแน่นอน แต่หากไตร่ตรองมาดี มีแผนการลงทุน โอกาสที่จะได้ปันผลจะมีมากตามผลกำไรและการเติบโตของบริษัท ต่างจากตราสารหนี้ที่ได้ดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้ว่าบริษัทจะโตขนาดไหนก็ตาม
ความเสี่ยงจากการลงทุนประเภทของสะสมมีค่า
สิ่งของบางอย่างอาทิ พระ รถโบราณ กระเป๋าแบรนด์เนม ภาพวาด ไวน์ หรืออื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไปบวกกับการเก็บรักษาที่ดีสามารถเพิ่มมูลค่าได้จากทุน 10 – 100 เท่า แต่การลงทุนประเภทนี้นักลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะตัวอย่างมาก เชี่ยวชาญ รู้จักตลาดและราคา(ทั้งในและต่างประเทศ)เป็นอย่างดี ซึ่งความเสี่ยงในการลงทุนชนิดนี้คือความเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นกับของสะสม ยิ่งหากหายหรือชำรุด ราคาเดิมที่มากกว่าทุน 100 เท่าก็จะลดลงเหลือ 0 ไปโดยปริยาย
ความเสี่ยงจากการลงทุนประเภทอสังหาริมทรัพย์
เป็นอีก 1 การลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าฉายา “เสือนอนกิน” จะดูสบาย แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ความเสี่ยงคือนักลงทุนเองต้องเจอกับปัญหาจุกจิกที่ตามมาจากผู้เช่า ค่าเสื่อมของอสังหาฯ การแข่งขันที่มีมากขึ้นระหว่างนักลงทุนด้วยกันเอง
ปัจจุบันยังมีการลงทุนอสังหาฯ รูปแบบอื่นอีก อาทิ การซื้อเพื่อเก็งกำไร ที่อาจจะต้องใช้ทักษะสูงในการวิเคราะห์ลักษณะตลาด ที่อยู่อาศัยและอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคา หรือ Investment Property การซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุนโดยมีผู้เชี่ยวชาญค่อยบริหารให้ ถือเป็นอะไรที่เหนื่อยน้อยกว่า มีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะลงทุนภายใต้นักลงทุนที่มีความเป็นมืออาชีพ