เทศกาลกินเจภูเก็ต หรือในชื่อของเทศกาลถือศีลกินผัก มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในแง่ของเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยเทศกาลถือศีลกินผักในภูเก็ตจะจัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาชมขบวนแห่ม้าทรง เรียกว่าต้องมาให้ได้เลยทีเดียว
ประวัติของ เทศกาลกินเจภูเก็ต (เทศกาลถือศีลกินผัก)
ดั้งเดิม ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตจะเรียกประเพณีเทศกาลกินเจว่า “เจี๊ยะฉ่าย” มาจากลัทธิเต๋า ที่นับถือบูชาเซียน เทพเจ้า รวมไปถึงวีรบุรุษ ซึ่งเทศกาลกินเจภูเก็ต จะมีระยะเวลาทั้งสิ้น 9 วัน ซึ่งในปี พ.ศ. 2561 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2561 – 17 ตุลาคม 2561
จุดมุ่งหมายของเทศกาลกินเจนั้น คือการชำระล้างบาป เน้นการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ อีกทั้งยังเป็นการทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมไปถึงการรักษาศีลห้าตลอดทั้ง 9 วัน ซึ่งใน 9 วันนี้ จะมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่างๆ โดยเรียงลำดับตามวันดังนี้
- พิธีเรียกเสาโกเต้ง เป็นการอัญเชิญองค์ยกฮ่องซ่งเต่ และองค์กิ๋วอ๋องไต่ มาเป็นประธานในพิธี
โดยจัดในวันแรกของเทศกาลกินเจ นับว่าเป็นสัญญาณที่แสดงถึงการเริ่มต้นของเทศกาลถือศีลกินผักของภูเก็ตนั่นเอง - พิธีปีนบันไดมีด (พิธีโต่ทุ้ย) ด้านบนสุดของบันไดจะมีธงปักอยู่โดยเหล่าม้าทรงจะต้องปีนบันไดที่มีความสูงชันเป็นพิเศษซึ่งบันไดแต่ละขั้นนั้น จะทำมาจากมีดที่มีความคมมาก ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อปีนขึ้นไปได้ก็ต้องปีนลงมาเช่นกัน
- พิธีลุยไฟ (โก้ยโห้ย) เป็นการให้ม้าทรงเดินลุยไฟ เพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ควบคุมความร้อนจากไฟได้
- พิธีแห่พระรอบเมือง (พิธีอิ้วเก้ง) เป็นพิธีที่ม้าทรงจะเวียนขบวนแห่ไปยังรอบเมืองภูเก็ต โดยมีการใช้มีด ดาบทิ่มแทงตามร่างกายของตนเอง
- พิธีข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ (โก้ยห่าน) เป็นพิธีที่จะจัดในวันสุดท้ายของเทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ตโดยการข้ามสะพานจะมีตุ๊กตา สำหรับเขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด ส่วนด้านใต้สะพานจะมีตะเกียงไฟน้ำมัน เพื่อเป็นกุศโลบายว่าได้ทำการปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกจากผู้เข้าร่วมพิธี
จุดไฮไลท์ เทศกาลกินเจภูเก็ต คือพิธีแห่พระรอบเมือง (พิธีอิ้วเก้ง)
ส่วนวันที่นักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่ตั้งตารอคอย และยังเป็นจุดเด่นของเทศกาลกินเจภูเก็ตคือ พิธีแห่พระรอบตัวเมือง (พิธีอิ้วเก้ง) โดยมีม้าทรงหรือคนทรงเจ้าเข้าร่วมพิธีแห่ ซึ่งแสดงถึงอิทธิฤทธิ์ที่ทนต่อความเจ็บปวดได้ ซึ่งในแต่ละวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้มีด ดาบ ทิ่มแทงตามร่างกาย อีกทั้งยังมีเสียงประทัดโดยรอบขบวน
โดยการแสดงอิทธิฤทธิ์ที่ทนต่อความเจ็บปวด เพื่อแสดงถึงว่าเป็นการรับความเจ็บปวดจากผู้ที่เข้าร่วมพิธี และมนุษย์อื่น ๆ เอาไว้เอง